5 วิธีเลือกกล้องติดรถยนต์ยังไงให้ตอบโจทย์การใช้งานให้มากที่สุด

Last updated: 5 พ.ค. 2565  |  447 จำนวนผู้เข้าชม  | 

5 วิธีเลือกกล้องติดรถยนต์ยังไงให้ตอบโจทย์การใช้งานให้มากที่สุด

สำหรับวิธีการเลือกใช้งานกล้องติดรถยนต์ให้ตรงตามความต้องการใช้งานของเรามากที่สุดนั้น ไม่ได้อยู่แค่ที่คุณสมบัติของกล้องติดรถยนต์เพียงอย่างเดียว ยังอยู่ที่การใช้รถยนต์ของเราด้วยว่าเราใช้รถยนต์ในสถานการณ์ไหนบ้าง ถ้าเรารู้ว่ารถยนต์ของเราใช้ในสถานการณ์ไหนเราก็จะซื้อกล้องติดรถยนต์มาใช้งานได้ตรงความต้องการของเรามากที่สุดนั่นเองค่ะ

 

  5 วิธีเลือกกล้องติดรถยนต์ให้ตอบโจทย์การใช้งานให้มากที่สุด

  1. ใช้รถยนต์ทำงานอะไร



ใช้รถยนต์ทำงานอะไร เช่น ใช้ขับไปกลับจากบ้านไปที่ทำงาน หรือใช้ขับเป็นรถประจำทาง หรือใช้ขับเป็นรถยนต์ขนส่งส่งของต่าง ๆ เป็นต้น อย่างเช่น ใช้รถเก่งขับไปทำงานทุกวัน ก็สามารถติดตั้งกล้องติดรถยนต์ได้ทั้งแบบกล้องหน้าพร้อมกล้องหลัง หรือกล้องหน้าติดรถยนต์อย่างเดียวก็ได้ แต่ถ้าขับรถกะบะไปทำงานแนะนำให้ติดตั้งกล้องติดรถยนต์เป็นแบบกล้องหน้าพร้อมกล้องหลัง และถ้ากล้องหลังที่ติดมีฟังก์ชันช่วยถอยจอด ก็จะสามารถใช้ฟังก์ชันช่วยถอยจอดได้ด้วยแต่กล้องหน้าติดรถยนต์ต้องมีหน้าจอด้วยนั่นเองค่ะ

หรือถ้าใครที่มีงบประมาณมากพอและอยากได้กล้องติดรถยนต์แบบจัดเต็มแนะนำให้ติดกล้องติดรถยนต์เป็นแบบ 3 กล้อง กล้องหน้า กล้องหลัง และกล้องติดในห้องโดยสารได้เลยเพื่อที่เราจะได้บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้นนั่นเองค่ะ กล้องติดรถยนต์ 3กล้อง ที่แนะนำ ได้แก่ AZDOME M550, VIOFO A139 และ VIOFO T130 ค่ะ

 
  2. ช่วงเวลาใช้รถยนต์



สำหรับช่วงเวลาใช้รถยนต์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะมันจะส่งผลต่อกล้องติดรถยนต์โดยตรงเลยไม่ว่าจะเป็น เช่น ใช้รถยนต์ในเวลากลางวันเป็นหลัก หรือ เวลากลางคืนเป็นหลัก หรือคาบเกี่ยวกันทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อรู้ช่วงเวลาแล้วเราก็ต้องมาดูต่อว่าแล้วเราขับรถยนต์ประมาณวันละกี่ชม.เช่น 6-8 ชม.ต่อวันและขับตอนกลางวันเท่านั้น ซึ่งการขับรถในตอนกลางวันคลิปมีความเสี่ยงมากที่จะได้คลิปที่ย้อนแสงเยอะ ดังนั้นเราอาจจะต้องเลือกใช้กล้องติดรถยนต์ที่มีระบบ WDR ที่ช่วยทำให้ภาพสว่างเท่ากันทั่วทั้งภาพ และปัจจุบัน WDR มีเกือบทุกแบรนด์เช่นกล้องติดรถยนต์ VIOFO, AZDOME, 70Mai หรือเลือกใช้กล้องติดรถยนต์ที่มี CPL Filter ที่ช่วยตัดแสงสะท้อนต่าง ๆ ในคลิปออกและทำให้คลิปมีความสว่างคมชัดมากขึ้น เช่นกล้องติดรถยนต์ แบรนด์ VIOFO กับ Blueskysea เป็นต้นค่ะ

 

  3.  เส้นทางการขับรถยนต์



สำหรับเส้นทางการขับรถยนต์ เช่น ขับรถยนต์บนถนนปกติ หรือขับรถยนต์ใต้สะพาน หรือใต้อุโมงค์ เป็นต้น อย่างเช่นเราอาจจะขับรถยนต์บนถนนปกติขับไปทำงานตอนเช้า ขับกลับตอนกลางคืน และตอนกลางคืนอาจจะมีไฟข้างทางน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย ตรงส่วนนี้ก็จะแนะนำให้เลือกใช้กล้องติดรถยนต์ที่มี WDR ใช้เซนเซอร์ Sony และมีระบบชดเชยแสงเป็นหลัก เพราะทั้ง 3 อย่างนี้จะช่วยให้คลิปที่ได้ดีสว่างขึ้นจากเดิมระดับหนึ่งนั่นเองค่ะ (ขึ้นอยู่กับความมืด ณ ตอนนั้น ๆ) กล้องติดรถยนต์ที่แนะนำ เช่นกล้องติดรถยนต์ VIOFO ซีรีส์ A129 ทุกรุ่น, VIOFO A139 เป็นต้นค่ะ

 

  4. สถานที่จอดรถยนต์



สำหรับสถานที่ที่จอดรถยนต์ ก็เช่น จอดรถยนต์ในโรงรถยนต์ หรือจอดรถยนต์ข้างทาง หรือจอดรถยนต์ใต้สะพาน หรือจอดรถยนต์หันหน้าทางถนนเป็นประจำทุกวัน ยกตัวอย่างเช่น

  จอดรถยนต์ข้างทางหรือใต้สะพาน แนะนำให้เลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีโหมดบันทึกตอนจอด เพราะการจอดรถยนต์ไว้ข้างทางนั้นเสียงต่อการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างมาก และโดยปกติกล้องติดรถยนต์ส่วนมากจะมีฟังก์ชัน G-Sensor ที่ช่วยล็อกคลิปให้อัตโนมัติเมื่อเกิดแรกกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นกับรถยนต์ให้ และไม่ว่าจะเป็น G-Sensor ที่มีให้ในกล้องติดรถยนต์อยู่แล้ว หรือ G-Sensor ของโหมดบันทึกตอนจอดแนะนำให้เปิดไว้ที่ Low ทั้งคู่ เพราะข้างทางหรือใต้สะพานนั้นมีแรงสั่นสะเทือนมากถ้าตั้งไว้ที่ High อาจจะทำให้กล้องติดรถยนต์ได้คลิปที่ไม่ประโยชน์มากเกินไป กล้องติดรถยนต์ที่แนะนำเช่นกล้องติดรถยนต์ VIOFO ซีรีส์ A129 ทุกรุ่น, VIOFO A139, VIOFO T130 และกล้องติดรถยนต์ DDPAI Mola N3 เพราะมีโหมดบันทึกตอนจอดให้เลือก 3 แบบสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกสถานการณ์นั่นเองค่ะ

  จอดรถยนต์หันหน้าไปทางถนนเป็นประจำทุกวัน ไม่แนะนำให้เลือกใช้งานกล้องติดรถยนต์ที่มีโหมดบันทึกตอนจอดที่เป็นแบบตรวจจับการเคลื่อนไหวอย่างเดียว เพราะบนถนนมีรถยนต์ขับไปมามากมายมันจะทำให้กล้องติดรถยนต์บันทึกคลิปที่ไม่มีประโยชน์มากเกินไปนั่นเองค่ะ ดังนั้นควรจะเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีโหมดบันทึกตอนจอดอาจจะเป็นแบบ Time Lapse เช่น AZDOME BN03 หรือ 70Mai A800s หรือที่มีโหมดบันทึกตอนจอดให้เลือกมากกว่า 1 อย่าง เช่นกล้องติดรถยนต์ VIOFO ซีรีส์ A129 ทุกรุ่น, VIOFO A139, VIOFO T130 หรือกล้องติดรถยนต์ DDPAI Mola N3 เป็นต้นค่ะ

 

  5. บริการหลังการขาย



กล้องติดรถยนต์ที่เราซื้อมาใช้นอกจากจะต้องเลือกให้ตรงตามความต้องการใช้งานของเราแล้ว เราก็ควรจะจะต้องเลือกซื้อกับร้านที่มีประกันและบริการหลังการขายด้วย เพื่อที่ถ้ากล้องติดรถยนต์พบปัญหาขึ้นมาเราจะได้มีคนให้คำปรึกษา หรือถ้ามันพังเราจะได้มีช่องทางส่งเคลมนั่นเองค่ะ



อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจจะตรงหรืออาจจะตรงไม่ตามความใช้งานของหลาย ๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อกล้องติดรถยนต์ควรจะบอกความต้องการและการใช้งานของเราให้ทางผู้ขายทราบเพื่อที่ผู้ขายจะได้ช่วยแนะนำกล้องติดรถยนต์ให้ตรงตามความต้องการของเราได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้