Parking Mode หรือโหมดบันทึกตอนจอด ในกล้องติดรถยนต์คืออะไร? และมีอะไรบ้าง? มาดูกันเลย!!

Last updated: 9 พ.ค. 2565  |  2390 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Parking Mode หรือโหมดบันทึกตอนจอด ในกล้องติดรถยนต์คืออะไร? และมีอะไรบ้าง? มาดูกันเลย!!

  Parking Mode หรือโหมดบันทึกตอนจอด คืออะไร

  Parking Mode หรือโหมดบันทึกตอนจอด ก็คือโหมดที่ทำงานตอนรถยนต์ดับเครื่องและจอดอยู่นิ่ง ๆ ไม่ว่าเป็นช่วงเวลาไหนก็ตามถ้ารถยนต์จอด โหมดบันทึกตอนจอดก็จะทำงานอัตโนมัติ แต่การจะใช้โหมดบันทึกตอนจอดของกล้องติดรถยนต์ได้นั้นจะมีข้อแม้อยู่ก็คือ กล้องติดรถยนต์จะต้องต่อตรงด้วยสาย Hardwire Kit เป็นหลักเท่านั้นถึงจะใช้งานได้ ส่วนการที่กล้องติดรถยนต์จะใช้งานโหมดบันทึกตอนจอดทันทีหรือไม่ ในส่วนนี้ต้องดูว่ากล้องติดรถยนต์ที่เราเลือกใช้งานมีฟังก์ชันการใช้งานอย่างไร เพราะบางรุ่นก็จะเข้าโหมดบันทึกตอนจอดเลยทันทีหลังจากดับเครื่อง แต่บางรุ่นอาจจะต้องรอเวลาก่อนเช่นผ่านไป15นาทีแล้วค่อยเข้าโหมดบันทึกตอนจอด หรือบางรุ่นก็สามารถตั้งค่าเองได้ว่าจะให้เข้าเลยทันที หรือค่อยเข้าหลังจากผ่านไปแล้วกี่นาทีก็ได้เช่นกัน

 

  เหตุผลที่หลายคนไม่อยากใช้ Parking Mode หรือโหมดบันทึกตอนจอด

  1. ต้องซื้อสายต่อตรงเพิ่มเอง และการติดตั้งกล้องติดรถยนต์โดยด้วยสายต่อตรงนั้นจะเป็นการติดตั้งที่กล่องฟิวส์แท็บ ซึ่งทำได้ค่อนข้างยาก ก็เลยต้องจ้างช่างที่มีความชำนาญมาติดตั้งให้ หลายคนก็อาจจะมองว่าสิ้นเปลือง แต่ถ้าเราไปถึงผลที่ตามว่ารถยนต์ของเราจะปลอดภัยมากขึ้นแถมยังได้ความเรียบร้อยของสายกล้องติดรถยนต์ด้วยก็ถือว่าคุ้มค่าไม่สิ้นเปลืองนั่นเองค่ะ

  2. เนื่องจากโหมดบันทึกตอนจอดจะทำงานหลังจากที่เครื่องยนต์ดับไปแล้ว ดังนั้นกล้องติดรถยนต์จะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้งานแทน ก็เลยอาจจะทำให้หลายคนกลัวว่ากล้องติดรถยนต์จะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้จนหมดแล้วจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพและพังเร็วขึ้น แต่อย่าลืมว่าปัจจุบันแบรนด์กล้องติดรถยนต์ก็ได้ผลิตกล้องติดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมามากมายที่แก้ไข้ข้อบกพร่องที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาเรื่อย ๆ อย่างเช่นบางแบรนด์ มีโหมดบันทึกตอนจอดให้เลือกใช้ได้หลากหลาย หรือบางแบรนด์ให้เลือกใช้ได้แบบเดียวแต่สามารถกำหนดเวลาให้ตัดการบันทึกได้เมื่อครบเวลา หรือบางแบรนด์ก็มีโปรแกรมที่วัดค่าพลังงานจากแบตเตอรี่ถ้าต่ำกว่าค่าที่กล้องติดรถยนต์กำหนดกล้องติดรถยนต์ก็จะตัดการใช้งานโหมดบันทึกตอนจอดอัตโนมัติ เป็นต้นนั่นเองค่ะ

 

  Parking Mode หรือโหมดบันทึกตอนจอดมีอะไรบ้าง

สำหรับ Parking Mode หรือโหมดบันทึกตอนจอดที่ทางเรานำมาข้อมูลมาให้อ่านในบทความนี้ ต้องบอกก่อนว่าเป็นโหมดบันทึกตอนจอดที่ทางเราพบในกล้องติดรถยนต์หลาย ๆ รุ่นมารวมกัน ไม่ได้หมายความว่ากล้องติดรถยนต์ทุกรุ่น จะสามารถใช้งานโหมดบันทึกตอนจอดทั้งหมดนี้ได้นั่นเองค่ะ

 
  1. Parking Mode Auto event detection
โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Auto event detection เป็นการบันทึกวิดีโอเมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้องติดรถยนต์เท่านั้น และคลิปวิดีโอ 2 คลิป เช่น เกิดเหตุรถชน กล้องติดรถยนต์ก็จะบันทึกคลิปตอนชนให้ 1คลิป และบันทึกคลิปก่อนชนให้อีก 1คลิป ซึ่งการบันทึกคลิปเฉพาะตอนที่มีสิ่งเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้องเท่านั้นก็จะช่วยในเรื่องของการประหยัดพื้นที่เมมโมรี่การ์ดนั่นเองค่ะ


  2. Parking Mode Time lapse
โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Time lapse เป็นการบันทึกตลอดเวลาและคลิปที่ได้ก็จะเป็นแบบเร่งความเร็ว ด้วยความที่คลิปเป็นแบบเร่งความเร็วเลยทำให้ตอนที่ดูคลิปย้อนหลังเราจะสามารถดูคลิปทั้งหมดจบภายในไม่กี่นาทีเท่านั้นช่วยให้ประหยัดเวลามากขึ้น และแบรนด์กล้องติดรถยนต์บางแบรนด์ก็ยังสามารถเลือกความเร็วในการบันทึกคลิปแบบได้อีกด้วยว่าต้องการให้เร็วระดับไหนนั่นเองค่ะ


3. Parking Mode Low bitrate recording
  โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Low bitrate recording เป็นการบันทึกตลอดเวลาแต่บันทึกภาพที่เรตต่ำคลิปที่ได้ก็จะถูกลดความคมชัดลงจากเดิมระดับหนึ่ง ซึ่งการบันทึกคลิปที่บิตเรตต่ำนั้นจะช่วยในเรื่องของการประหยัดพื้นที่เมมโมรี่การ์ดเช่นเดียวกันค่ะ


4. Parking Mode Impact Detection
  โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Impact Detection เป็นการบันทึกเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนแรง ๆ เกิดขึ้นกับรถยนต์เท่านั้น ช่วยในเรื่องของการประหยัดพื้นที่เมมโมรี่การ์ดและมั่นใจได้เลยว่าคลิปส่วนใหญ่ที่ได้นั้นจะเป็นคลิปที่สำคัญจริง ๆ เท่านั้น และเมื่อเกิดเหตุก็จะได้คลิปวิดีโอแค่ 1 คลิป นั่นก็คือคลิปที่บันทึกตอนที่จับแรงสั่นสะเทือนได้นั่นเองค่ะ


5. Parking Mode Motion Detection
  โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Motion Detection ตัวนี้หลักการทำงานจะเหมือนกับ Auto event detection เลย แต่ต่างกันตรงที่เมื่อเกิดเหตุ Motion Detection จะได้คลิปแค่1 คลิปคือคลิปตอนที่เกิดเหตุนั่นเองค่ะ


6. Parking Mode Normal Recording
  โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Normal Recording เป็นการบันทึกคลิปแบบปกติและตลอดเวลา จุดเด่นของโหมดนี้ก็คือถ้าเกิดเหตตุจะได้คลิปเหตุการณ์เกือบทั้งหมดและคลิปที่ได้ก็จะเล่นแบบปกติ เมื่อใช้เป็นหลักฐานก็จะค่อนข้างชัดเจนนั้นเองค่ะ

** ถ้ากล้องติดรถยนต์ที่เลือกใช้งานมีระบบ Parking G-sensor ร่วมด้วยถ้าเกิดแรงสั่นสะเทือนกับรถยนต์กล้องติดรถยนต์ก็จะบันทึกล็อกคลิปตรงนี้แยกให้อีก 1คลิปเช่นกัน


และทั้งหมดนี้ก็คือโหมดบันทึกตอนจอดที่พบได้ในกล้องติดรถยนต์ ซึ่งส่วนมากกล้องติดรถยนต์จะใส่โหมดบันทึกตอนจอดเพียแค่ 1 โหมดเป็นหลักเท่านั้น ยกตัวอย่าง

  แบรนด์ 70Mai เช่น กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s, กล้องติดรถยนต์ 70Mai A800s และกล้องติดรถยนต์ 70Mai A400 ใช้โหมดบันทึกตอนจอดเป็นแบบ Time Lapse อย่างเดียวเท่านั้น

  แบรนด์ AZDOME เช่น กล้องติดรถยนต์ AZDOME BN03 และ AZDOM M550 ก็ใช้โหมดบันทึกตอนจอดเป็นแบบ Time Lapse อย่างเดียวเท่านั้นเช่นเดียวกัน แต่บางรุ่นก็ใช้เป็นแบบ Impact Detection

  แบรนด์ VIOFO ซึ่งความพิเศษของกล้องติดรถยนต์แบรนด์ VIOFO ก็คือกล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 ทุกรุ่น, กล้องติดรถยนต์ VIOFO A139 และ กล้องติดรถยนต์ VIOFO T130 มีโหมดบันทึกตอนจอดให้เลือกใช้ทั้งหมด 3 แบบก็คือ Auto event detection, Time lapse และ Low bitrate recording

  แบรนด์ DDPAI ส่วนมากก็จะใช้โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Time Lapse อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยกเว้นกล้องติดรถยนต์ DDPAI Mola N3 สามารถใช้โหมดบันทึกตอนจอดได้ 3แบบ ก็คือ Impact Detection, Time lapse และ Normal Recording นั่นเองค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้