Last updated: 28 ส.ค. 2568 | 73 จำนวนผู้เข้าชม |
Paolo Bonora บอสของ Aprilia กล่าวว่าการพัฒนาระบบเบรกเครื่องยนต์(Engine Brake) คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แบรนด์อิตาลีแข็งแกร่งขึ้นในสนามที่เคยเป็นจุดอ่อนของพวกเขา
ปกติแล้ว RS-GP มักจะทำผลงานได้ดีในสนามที่ใช้ความเร็วต่อเนื่อง โดยชัยชนะทั้ง 5 ครั้งในคลาส MotoGP ของ Aprilia ล้วนเกิดขึ้นในสนามอย่างอาร์เจนตินา , ออสติน , บาร์เซโลนา และ ซิลเวอร์สโตน ส่วนสนามแบบ stop-and-go นั้นเป็นจุดอ่อนของ Aprilia เสมอมา อย่างไรก็ตามพวกเขาแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการแบบก้าวกระโดดใน 2 สนามล่าสุดเมื่อ มาร์โก เบซเซคกี คว้าโพเดียมในสนามแบบ stop-and-go ที่ออสเตรียและฮังการี!
"แน่นอนว่าเราชอบโค้งที่ใช้ความเร็วต่อเนื่องมากกว่า" Paolo Bonora กล่าวกับ TNT Sports
"หลายปีแล้วที่รถของเราถูกดีไซน์มาให้เหมาะกับสนามแบบนั้นโดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนว่าเราได้ค้นพบบางอย่างตั้งแต่ที่ออสเตรียและฮังการีโดยเฉพาะการตั้งค่าระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบเบรกเครื่องยนต์ที่ช่วยป้องกันการล็อกของล้อหลัง"
"เราทำงานกันอย่างหนักในจุดนั้น เพราะเรารู้ดีว่าถ้าจะพัฒนาช่วงเร่งความเร็วออกจากโค้ง เมื่อเราแก้ปัญหาเสถียรภาพของรถได้แล้วเราาต้องแก้ปัญหาในพาร์ทนั้นต่อให้เรียบร้อย กุญแจสำคัญคือทำให้รถแข็งแกร่งขึ้นในช่วงเบรกหนัก โดยเฉพาะในช่วงเริ่มเบรก"
จะเห็นว่าในการแข่งขันที่ฮังการีนั้น มาร์โก เบซเซคกี สามารถป้องกันการโจมตีของ มาร์ก มาร์เกซ ได้ถึง 2 ครั้งในรอบที่ 8 แม้เขาจะต้านความแรงของแชมป์โลก 8 สมัยไม่ได้ในรอบที่ 11 แต่การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของการแข่งขันใน 2 สนามล่าสุดของเบซเซคกีก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่น่าจับตามองของ RS-GP
นอกจาก มาร์โก เบซเซคกี จากทีม Aprilia Racing จะจบบนโพเดียมในฮังการีแล้ว ฆอร์เก มาร์ติน แชมป์โลกชาวสแปนิชที่เพิ่งคัมแบ็คแทร็กเมื่อไม่นานมานี้ก็พา RS-GP ขึ้นมาจบถึงอันดับ 4 ! ณ เวลานี้บอกเลยว่าสนามแบบ stop-and-go ไม่ใช่จุดอ่อนของ Aprilia อีกต่อไปแล้ว
สนามต่อไปจะเป็นการแข่งขัน Catalan Grand Prix 2025 ที่บาร์เซโลนา มาดูกันว่าผลงานของ Aprilia จะเป็นอย่างไร 5 - 7 กันยายนนี้ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวได้ที่
อัพเดต ตารางการแข่งขัน MotoGP 2025 คลิก!
อัพเดต รายชื่อนักแข่ง MotoGP 2025 คลิก!
by cassieJ
เครดิต : www.crash.net