รับมือกับพวก “แกล้งล้มหน้ารถ” นอกจากมีกล้องติดรถยนต์แล้ว ใช้วิธีไหนได้บ้าง

เพื่อนๆ เคยเห็นกันมั้ยครับกับพวกคลิปที่อัดมาจากกล้องติดรถ ที่บันทึกภาพของพวกผู้คนที่วิ่งมาชนรถ หรือวิ่งออกมาให้รถชนเพื่อหวังเรียกร้องเงินประกัน ซึ่งนี่เป็นมิจฉาชีพที่จะคอยกลั่นแกล้งผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเราที่สุด โดยเค้าจะเล็งเหยื่อที่ขับรถดูดี มีระดับ และมาไม่แรงมาก เพื่อให้ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด ซึ่งเราคงเห็นคลิปเหล่านี้ในต่างประเทศบ่อยโดยเฉพาะจีน แต่ทุกวันนี้มันลามมาไทยแล้วนะครับ คือน่ากลัวมากจริงๆ จนอาจเกิดความสงสัยเลยว่า ถ้าเราจะเอาตัวรอดจากคนประเภทนี้ให้ได้เนี่ย ต้องทำยังไงกันบ้าง เพราะถ้าขืนเล่นไปตามเกมล่ะก็ โดนรีดไถเงินเป็นหมื่นเป็นแสนไปฟรีๆ แน่

 

สังเกตสถานการณ์รอบตัว

อันดับแรกเลยเราต้องมีสติทันทีที่เราชนคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะชนจริง หรือเค้าวิ่งมาชนเราเองก็ตามนะครับ ดูก่อนว่าตอนนี้เป็นเวลาอะไร มืดแล้วหรือยัง เพราะถ้ามันมืดแล้วเนี่ยเราอาจจะเจอกับเหล่าพรรคพวกของมิจฉาชีพที่ดักรอเล่นงานอยู่ก็ได้ ถ้าลงจากรถไปสุ่มสี่สุ่มห้านี่อันตรายถามหาแน่นอนครับ สังเกตดูว่าแถวนั้นมีคนอยู่เยอะมั้ย มีผู้เห็นเหตุการณ์รึเปล่า ดูลาดเลาก่อนค่อยตัดสินใจลงจากรถอีกที

 

ถ่ายวิดีโอเอาไว้เลย

ต่อให้เหตุการณ์รถชนนี้จะเกิดขึ้นแล้วก็ตามนะครับ ในกรณีที่เราไม่มีกล้องติดรถเอาไว้ ทำให้บันทึกภาพเหตุการณ์ไม่ทันเนี่ยก็ไม่เป็นไร ขอแค่เรากดอัดคลิปไว้ตั้งแต่อยู่บนรถ แล้วค่อยเดินลงไป เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์หลังจากนั้นทุกอย่างเป็นหลักฐานเก็บเอาไว้ ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไร หรือคนรอบข้างจะทำอะไร อย่างน้อยมันก็จะช่วยเป็นพยานให้กับเราว่าเค้ามีพฤติกรรมของมิจฉาชีพจริงรึเปล่าจากคำพูดและบทสนทนาต่างๆ รวมถึงถ้าหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่มีความเสียหายบนตัวรถ ก็แสดงว่าเราไม่ได้ชนเค้าจริงๆ การบันทึกเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดให้ตัวเราได้

 

ถามหาคนที่เห็นเหตุการณ์

ส่วนใหญ่มิจฉาชีพเหล่านี้จะไม่ค่อยทำกันตอนกลางคืนหรอกครับ เพราะเค้ากลัวว่าเราจะขับเร็วและชนเค้าเข้าจริงๆ แบบไม่ทันได้เบรก เลยมักจะทำกันตอนกลางวัน ซึ่งเป็นโชคดีของเราที่อาจทำให้มีพยานที่เห็นเหตุการณ์อยู่บ้างจากคนแถวนั้น ดังนั้นหลังลงจากรถ และถือกล้องเอาไว้ ก็ให้เข้าไปสอบถามกับคนที่มามุงได้เลยว่า มีใครเห็นเหตุการณ์บ้างว่าผู้เสียหายวิ่งเข้ามาเอง ถ้าโชคดีมีคนเห็นเหตุการณ์จริงก็จะใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลที่ดีที่สุดเลย

 

แจ้งตำรวจ 191

เมื่อทำทุกอย่างตามขั้นตอนเสร็จแล้ว ก็โทรเรียกตำรวจได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เล็กหรือใหญ่ก็ตาม เพราะมันแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของเรา ว่าเราไม่ได้คิดหนี และทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ถ้าเป็นมิจฉาชีพจริง เค้าจะอยากได้เงินจากเราแล้วจบกันเพื่อให้เรื่องเงียบ และเมื่อเราโทรหาตำรวจเค้าจะเริ่มรู้สึกกลัว และมีทีท่าว่าไม่เจ็บแล้วออกมา เพื่อพยายามชิ่งนั่นเอง

 

ถามหากล้องวงจรปิดบริเวณนั้น

อาจจะเป็นโชคดีของเราก็ได้นะครับ ถ้าเกิดตรงที่เกิดเหตุนั้นมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ล่ะก็ เราสามารถบอกกับตำรวจให้ออกหมายขอตรวจดูกล้องวงจรปิดดูได้ทันที ว่ามันบันทึกเหตุกาณ์สำคัญนี้ไว้รึเปล่า ซึ่งถ้าใช่ ก็มีสิทธิ์ที่เราจะรอดพ้นจากข้อกล่าวหาสูงเลย เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้จะไม่มีความเนียนแน่นอน ท่าพุ่งชน กับท่าโดนชนของคนเรายังไงก็แตกต่างกันครับ มีหลักฐานเมื่อไหร่จับพิรุธได้ชัวร์

 

โทรหาประกันถ้าเรื่องไม่จบ

สุดท้ายแล้วถ้าชนเข้ากับมิจฉาชีพแบบไม่มีกล้องติดรถ โทรหาตำรวจก็แล้ว เรื่องก็ยังไม่จบ มิจฉาชีพยังไม่ยอมแพ้ ก็แจ้งกับประกันภัยของเราได้เลยครับ เพราะบริษัทประกันภัยเค้าจะช่วยเราเต็มที่อยู่แล้ว การที่เราขับรถชนคนมันอยู่ในสิทธิ์ความคุ้มครองของเค้าด้วย ดังนั้นเค้าจะออกตัวปกป้องผลประโยชน์ของผู้เอาประกันอย่างเราแน่นอน เค้าจะสืบหาข้อเท็จจริงอย่างถึงที่สุด และอยู่ข้างเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะครับ ทีนี้เพื่อนๆ ก็สบายใจได้แล้วว่าเราจะไม่ต้องกลัวโดนใส่ความแบบโดดเดี่ยว

 

เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของกล้องติดรถยนต์รึยังครับกับกรณีที่เลวร้ายแบบนี้ เรื่องทุกอย่างจะจบทันทีถ้าเรามีกล้องติดรถอยู่ ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องกลัวโดนจับ ไม่ต้องเหนื่อยคุณตำรวจ ไม่ต้องเหนื่อยประกัน เพราะรับรองว่าทันทีที่มิจฉาชีพเห็นว่ารถเรามีกล้อง เค้าจะเลิกแกล้งสำออยทันที เพราะรู้ว่าเคสนี้ยังไงก็ไม่ชนะแน่นอน กล้องติดรถเราจะบันทึกทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานมัดตัวเค้าให้เสี่ยงโดนจับเข้าไปใหญ่ และทำให้เราอุ่นใจมากขึ้น

ซึ่งนี่แหละเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจะต้องมีกล้องติดรถยนต์ไว้กับรถทุกคันที่บ้านของตัวคุณ ซึ่งถ้าใครยังไม่มี หรือไม่รู้จะเริ่มต้นศึกษาหาข้อมูลจากตรงไหน ไม่รู้จะสั่งกับใครให้ได้ราคาดีที่สุด และคุ้มค่ากับการลงทุน ก็แนะนำไปจัดกันได้ที่นี่เลย www.rizerclub.com