กล้องติดรถยนต์ VIOFO กินไฟจากแบตเยอะมั้ยแล้วใช้งานได้กี่วัน?

Last updated: 4 พ.ค. 2565  |  4358 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กล้องติดรถยนต์ VIOFO กินไฟจากแบตเยอะมั้ยแล้วใช้งานได้กี่วัน?

สำหรับ กล้องติดรถยนต์ VIOFO เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักไม่มากก็น้อยกันอย่างแน่นอน เพราะตัวนี้เขามีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศทางยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ และเรื่องการทำงาน ซึ่งก็ทำได้ออกมาดีเลยทีเดียวค่ะ แต่ว่าวันนี้ทางเราไม่ได้จะมาคุยเรื่องคุณสมบัติ หรือ สอนการใช้งาน อะไรนะคะ แต่ทางเราจะมาตอบคำถามที่หลายคนสงสัยแต่ก็ไม่เคยที่จะได้คำตอบสักเท่าไรนะคะ ซึ่งคำถามนั่นก็คือ

1. กล้องติดรถยนต์ VIOFO แต่ละรุ่นขณะที่เปิดใช้งานจะกินไฟเท่าไร?
2. กล้องติดรถยนต์ VIOFO ถ้าใช้โหมดบันทึกตอนจอดและไม่ได้สตาร์ทรถเลยเป็นเวลานาน ๆ จะกินไฟจาดแบตเตอรี่เท่าไรและใช้งานได้นานกี่วัน??

ซึ่งถ้าใครอยากรู้แล้วว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรก็ตามไปดูกันเลยค่ะ

 

  1. กล้องติดรถยนต์ VIOFO แต่ละรุ่นขณะที่เปิดใช้งานจะกินไฟเท่าไร?

กล้องติดรถยนต์ VIOFO ดียังไง



สำหรับคำถามนี้ กล้องติดรถยนต์ VIOFO แต่ละรุ่นขณะที่เปิดใช้งานจะกินไฟเท่าไร? ในที่นี้คนถามน่าจะหมายถึงการกินไฟ หรือ การกินพลังงานจากแบตเตอรี่ในรถยนต์นะคะ ว่าถ้าเปิดใช้งานกล้องติดรถยนต์ VIOFO แล้วจะกินพลังงานจากแบตเตอรี่หรือไม่ แล้วถ้ากินพลังงานจะกินพลังงานไปเท่าไร ประมาณนี้นะคะ สำหรับคำถามนี้อันแรกเลยเราต้องดูก่อนว่าเราใช้ งานกล้องติดรถยนต์แบบไหนระหว่าง


   ใช้กล้องติดรถยนต์ VIOFO โดยใช้สายชาร์จกล้องหน้า เสียบเข้ากับช่องจุดบุหรี่ในรถยนต์
   ใช้กล้องติดรถยนต์ VIOFO โดยใช้สาย HK3 ต่อตรงเข้ากับฟิวส์แท็บในรถยนต์


ซึ่งทั้ง 2 แบบมันก็มีจุดที่เหมือนและก็จุดที่แตกต่างกัน


  จุดเหมือน คือ ถ้าใช้งานกล้องติดรถยนต์ VIOFO ในขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่มันจะไม่กินพลังจากแบตเตอรี่ค่ะ
  จุดแตกต่าง คือ สำหรับคนที่ ใช้กล้องติดรถยนต์ VIOFO โดยใช้สายชาร์จกล้องหน้า เสียบเข้ากับช่องจุดบุหรี่ในรถยนต์ เมื่อดับเครื่องยนต์ไฟมันจะตัดให้อัตโนมัติค่ะ แต่ก็จะมีรถยนต์บางรุ่น ที่เมื่อดับเครื่องยนต์ไปแล้วแต่ไฟจากช่องจุดบุหรี่ไม่ถูกตัด เช่น รถยนต์ทางยุโรป ซึ่งเราจะต้องเป็นคนดึงสายชาร์จกล้องออกเอง หรือ มีอีกวิธี ก็คือต่อตรงโดยใช้สาย HK3 เพราะเลือกช่องฟิวส์ที่จะต่อตรงได้ ก็ให้เลือกช่องฟิวส์ที่ตัดไฟเองอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์แค่นี้ไฟมันก็จะตัดการทำงานให้อัตโนมัติค่ะ


แต่สำหรับคนที่ ใช้กล้องติดรถยนต์ VIOFO โดยต่อตรงด้วยสาย HK3 เข้ากับฟิวส์แท็บในรถยนต์ ในส่วนนี้จะพูดถึงกรณีที่เลือกต่อตรงที่ช่องฟิวส์ที่จ่ายไฟตลอด 24 ชม.นะคะ ถ้าเลือกช่องนี้แน่นอนว่าต่อให้ดับเครื่องยนต์ไปแล้วกล้องจะยังทำงานอยู่โดยการใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. และการทำงานในส่วนนี้ก็จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช่นั่นเองค่ะ ซึ่งตารางการกินพลังงานในแบตเตอรี่ของกล้องติดรถยนต์ VIOFO ก็จะมีดังต่อไปนี้ค่ะ


  ตารางข้อมูลการใช้พลังงานของกล้องติดรถยนต์ VIOFO รุ่น A129 Pro Duo, A129 Duo, A119V3, A119V2, และ WR1 

กล้องติดรถยนต์ VIOFO กินไฟมั้ย

 

Remark:  วิธีการคำนวณ : A=w/V

   กระแสไฟฟ้า (Electric current) คือ ปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านในวงจร มีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A)
  แรงดันไฟฟ้า (Voltage) คือ ขนาดของแรงดันไฟฟ้าที่ต้องใช้งาน มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
   กำลังไฟฟ้า (Power) คือ พลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานจริง ๆ มีหน่วยเป็นวัตต์ (w)


จากตารางตรง แรงดันไฟฟ้า 12V ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่า กล้องติดรถยนต์ VIOFO จะใช้งานได้จะต้องใช้แรงดันไฟ 12V นะคะ แต่แรงดันไฟฟ้า 12V ตรงนี้ คือ ค่าแรงดันไฟฟ้ามาตรฐานของแบตเตอรี่ในรถยนต์ที่ปกติจะอยู่ประมาณที่ 12-12.8V นั่นเองค่ะ ซึ่งแรงดันไฟฟ้าที่กล้องติดรถยนต์ VIOFO นำมาใช้งานจริง ๆ แบบเสียบสายชาร์จแล้วกล้องติดรถยนต์ใช้งานได้จะจะอยู่ที่ 5V เหมือนกับตอนที่เราชาร์จแบตมือถือนั่นเองค่ะ และตัวที่แปลงไฟ 12V จากช่องจุดบุหรี่ในรถยนต์ให้เหลือ 5V ก็คือหัวชาร์จ Adapter และ สาย HK3 นั่นเองค่ะ



  2. กล้องติดรถยนต์ VIOFO ถ้าใช้โหมดบันทึกตอนจอดและไม่ได้สตาร์ทรถเลยเป็นเวลานาน ๆ จะกินไฟจาดแบตเตอรี่เท่าไรและใช้งานได้นานกี่วัน??
ก่อนที่เราจะไปดูว่า กล้องติดรถยนต์ VIOFO ถ้าใช้โหมดบันทึกตอนจอดไม่ได้สตาร์ทรถเลยจะใช้ได้นานกี่วัน และใช้พลังงานเท่าไร เราต้องรู้ก่อนว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของเราเป็นแบบไหน หลักการทำงานเป็นยังไง และมีกี่แอมป์ เพื่อที่เราจะได้คำนวณคร่าว ๆ ได้ว่าจะใช้งานได้กี่วันและใช้พลังงานไปเท่าไรค่ะ

 

  วิธีดูขนาดเครื่องยนต์และเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

 

 

  ยกตัวอย่าง : ใช้รถเก๋งธรรมดา ญี่ปุ่น เครื่อง 2000 CC ใช้แบตเตอรี่รถยนต์ ขนาด 60 แอมป์ – 75 แอมป์ และใช้กล้องติดรถยนต์ VIOFO รุ่น A129 Pro Duo ที่ใช้โหมดบันทึกตอนจอดแบบ Time Lapse 1 นาที แรงดันไฟฟ้าที่ใช้ คือ 5V กระแสไฟฟ้าที่ใช้ คือ 0.35 A และกำลังไฟฟ้าที่ใช้ คือ 4.2 w

 


  วิธีคำนวณ : แบตเตอรี่รถยนต์ 12V ขนาด 60A ถ้าใช้งานโหมดบันทึกตอนจอด 24ชม. โดยที่ไม่ได้สตาร์ทรถยนต์ไปไหน เลยกล้องติดรถยนต์ VIOFO จะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์มาใช้ได้นานประมาณ 60A/0.35A = 171.42 ชม. หรือ ประมาณ 7 วัน (แต่ตอนใช้งานจริงอาจจะไม่ถึง 7 วัน เพราะมันขึ้นอยู่กับหลักการจ่ายไฟของแบตเตอรี่ในรยนต์ด้วย) และจะใช้พลังงานในแบตเตอรี่ตกวันละประมาณ 4.2w x 171ชม. = 718w นั่นเองค่ะ


สำหรับตรงที่บอกว่าใช้งานได้ประมาณ 7 วัน ในที่นี้หมายความว่าถ้าภายใน 1-7 วันนี้ ถ้าไม่ได้สตาร์ทรถยนต์เลย บวกกับเปิดใช้งานโหมดบันทึกตอนจอด 24ชม.ไว้ตลอด กล้องติดรถยนต์ VIOFO มันจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์จนถึงจุดตัดการทำงาน แน่นอนว่าพอมันตัดการทำงาน มันก็ใช้งานโหมดบันทึกตอนจอดตอนจอด 24ชม.ไม่ได้เพราะมันถูกตัดไม่ให้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แล้ว คือมันไม่ได้หมายความว่าจะใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. ของ กล้องติดรถยนต์ VIOFO ได้แค่ 7 วันเท่านั้น

 

และหลังจากนั้นก็จะไม่สามารถใช้งานโหมดบันทึกตอนจอด 24ชม.ของ กล้องติดรถยนต์ VIOFO ได้อีกเลย แบบนี้คือไม่ใช่นะคะ ถ้าเมื่อไร่ที่เราชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ เราก็จะกลับมาใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24ชม. ของกล้องติดรถยนต์ VIOFO ได้เหมือนเดิมปกติค่ะ


และถ้าใครที่ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ จอดรถยนต์ไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ในบ้าน และจอดทิ้งไว้นาน หลายวันติดต่อกัน โดยที่ไม่ได้สตาร์ทรถยนต์ขับไปไหนเลย ก็จะแนะนำให้ปิดโหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. ค่ะ (สามารถปิดได้ที่แอพ VIOFO ในมือถือ หรือ จะปิดที่เมนูการใช้งานที่กล้องติดรถยนต์ได้เลย) เพราะถ้าเมื่อไรที่เราจอดรถยนต์ทิ้งไว้นาน ๆ แบบไม่สตาร์ทรถยนต์เลย มันมีโอกาสที่แบตเตอรี่รถยนต์จะหมด จนทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติด

 

และยิ่งถ้าต้องจ่ายไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ให้กล้องติดรถยนต์ใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. ตลอด ทุก ๆ วัน บวกกับไม่ได้สตาร์ทรถยนต์หรือขับไปไหนเลยแล้วด้วย ก็จะยิ่งทำให้แบตเตอรี่รถยนต์นั่นหมดเร็วขึ้น เพราะว่าตอนที่รถยนต์ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ ไดชาร์จรถยนต์จะไม่สามารถปั่นไฟเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่รถยนต์ได้

 

แต่ถ้าภายใน 1-7 วันสตาร์ทรถยนต์หรือใช้รถยนต์ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น แถมยังใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. ในกล้องติดรถยนต์ได้ตลอดอีกด้วย โดยที่เราไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องคอยไป เปิด/ปิด โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม.นั่นเองค่ะ



กล้องติดรถยนต์ VIOFO


  1. ใช้งานโหมดบันทึกตอนจอดไม่ต่อเนื่อง เพราะไฟจากแบตเตอรี่ต่ำกว่าที่กำหนด กล้องติดรถ VIOFO เลยต้องตัดการทำงาน
  2. แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม เพราะถ้าไฟในแบตเตอรี่ต่ำบ่อย ๆ แบตเตอรี่ก็จะเสื่อมนั่นเอง
  3. เสี่ยงที่ไดชาร์จรถยนต์จะพัง แน่นอนว่าถ้าไม่สตาร์ทรถเลยไดชาร์จก็จะเสื่อมและพังได้ในที่สุด


เพราะฉะนั้น ภายใน 1-7 วันเราควรสตาร์ทรถยนต์ หรือ ขับรถยนต์ออกไปข้างนอกบ้างค่ะ เพื่อที่ไดชาร์จรถยนต์จะได้ทำหน้าที่ปั่นไฟเข้ามาเก็บไว้ในแบตเตอรี่รถยนต์เรื่อย ๆ เพื่อที่แบตเตอรี่รถยนต์จะได้มีไฟใช้อยู่ตลอดเวลา และเมื่อมีไฟใช้อยู่ตลอดเวลา เราก็จะใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24ชม. ได้ตลอดไปเช่นเดียวกัน รวมถึงแบตเตอรี่รถยนต์ก็จะไม่เสื่อมสภาพ ไดชาร์จรถยนต์ก็จะไม่พัง รถยนต์ก็จะไม่เจอปัญหารถสตาร์ทไม่ติดด้วยนั่นเองค่ะ

 

  ปัญหารถยนต์สตาร์ทไม่ติด:
   เกิดจากการที่ เราไม่ค่อยสตาร์ทรถเลย ไม่ได้ค่อยขับรถออกไปไหนเลย จอดรถยนต์ไว้เฉย ๆ นาน ๆ ติดต่อกันหลายวัน ก็จนทำให้ไดชาร์จรถยนต์เสียรถยนต์ก็เลยสตาร์ทไม่ติด
  เกิดจากการใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. บวกกับไม่ได้สตาร์ทรถไปไหนเลยเช่นเดียว จนทำให้กล้องติดรถยนต์ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้จนหมด (บางรุ่น) เลยทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติดเพราะไม่มีพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์รถยนต์ก็เลยสตาร์ทไม่ติด


แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน วิธีแก้ก็คือ ต้องสตาร์ทรถยนต์ และใช้งานรถยนต์บ้าง เพียงเท่านี้ก็จะไม่เกิดปัญหารถยนต์สตาร์ทไม่ติดแล้วค่ะ

 

  ทำไมกล้องติดรถยนต์ VIOFO ถึงใช้คำว่า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์จนถึงจุดตัดการทำงาน
ที่ใช้คำว่า "ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์จนถึงจุดตัดการทำงาน" ก็เพราะว่า แบตเตอรี่ของรถยนต์ที่ กล้องติดรถยนต์ VIOFO ดึงมาใช้งานตอนใช้โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. มันไม่ได้หมดนั่นเองค่ะ เพราะว่า ที่สายชาร์จของ กล้องติดรถยนต์ VIOFO เขาจะมีระบบช่วยตัดไฟให้อัตโนมัติค่ะ ถ้าเกิดพลังงานของแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ ต่ำกว่าค่าที่เขากำหนดไว้ มันก็จะตัดการทำงานเลยทันที มันเลยทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ จะไม่หมดเกลี้ยงคือยังพอมีเหลืออยู่พอที่จะสตาร์ทรถยนต์แล้วปล่อยให้ไดชาร์จปั่นไฟมาเก็บไว้และใช้งานได้อย่างต่อเนื่องได้นั่นเองค่ะ

 

 

  ช่องทางการสั่งซื้อ

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้