ห้ามพลาด!! 5 ปัญหาที่พบบ่อยในกล้องติดรถยนต์ที่ทำให้หลายคนถึงกับไปต่อไม่ถูก!

Last updated: 29 เม.ย 2565  |  4746 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ห้ามพลาด!! 5 ปัญหาที่พบบ่อยในกล้องติดรถยนต์ที่ทำให้หลายคนถึงกับไปต่อไม่ถูก!

หากคุณเป็นคนที่ใช้รถยนต์ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้กล้องติดรถยนต์เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับตัวคุณเองร่วมด้วย และก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความคิด หรือ พบกับปัญหาดังต่อไปนี้



  1. ใช้สายชาร์จกล้องติดรถยนต์เป็นสายเดิม



เชื่อว่าหลายคนเลยทีเดียวที่เมื่อซื้อกล้องติดรถยนต์ตัวใหม่มา แล้วกล้องติดรถยนต์ตัวใหม่สามารถใช้ส่ายชาร์จของกล้องติดรถยนต์ตัวเก่าได้ ก็เลยเลือกที่จะใช้สายเก่าที่เคยเดินสายไว้แทนการเดินสายใหม่ ซึ่งถามว่าทำได้มั้ยก็สามารถทำได้ แต่! มันจะส่งผลให้กล้องติดรถยนต์นั้นไม่สามารถรับไฟจากสายชาร์จได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มันเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้กล้องติดรถยนต์ ติด ๆ ดับ ๆ อยู่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ



ดังนั้นทุกครั้งที่ซื้อกล้องติดรถยนต์ตัวใหม่มา แนะนำให้เดินสายชาร์จกล้องติดรถยนต์เป็นสายชาร์จที่แถมมาในชุดอุปกรณ์ เพราะเป็นสายชาร์จที่ตรงรุ่น เมื่อสายชาร์จตรงรุ่นก็จะจ่ายไฟให้กล้องติดรถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพค่ะ

 



  2. ใช้เมมโมรี่การ์ดตัวเดิม



สำหรับเมมโมรี่การ์ด โดยส่วนมากหลาย ๆ คนเลยมักจะใช้เมมโมรี่การ์ดจากกล้องติดรถยนต์ตัวเก่า ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องบอกก่อนว่า เมมโมรี่การ์ดมันจะมีรอบของการใช้งานและการบันทึกของมันอยู่ เมื่อครบกำหนดเวลาของมันแล้วตัวของเมมโมรี่การ์ดจะไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ตอนที่เรานำเมมโมรี่การ์ดเดิมมาใส่กับกล้องติดรถยนต์ตัวใหม่กล้องติดรถยนต์ก็เลยไม่บันทึกคลิปนั่นเองค่ะ หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือ เมมโมรี่การ์ดเดิมของเราอาจจะมีสปีดการเขียนข้อมูลที่ต่ำ เลยทำให้ตอนที่นำใช้กับกล้องติดรถยนต์ตัวใหม่ที่ต้องใช้เมมโมรี่การ์ดที่มีสปีดการเขียนสูง ก็เลยทำให้กล้องติดรถยนต์ไม่บันทึกคลิปด้วยเช่นเดียวกัน


ดังนั้นเมื่อซื้อกล้องติดรถยนต์ตัวใหม่แล้วก็แนะนำให้ซื้อเมมโมรี่การ์ดตัวใหม่ด้วย และก็ควรที่จะเลือกซื้อเมมโมรี่การ์ดที่มีสปีดการเขียนสูง ๆ และของแท้เท่านั้น!ค่ะ

 

  3. กล้องติดรถยนต์เข้าสู่โหมดพักหน้าจออัตโนมัติ



เมื่อใช้กล้องติดรถยนต์ที่มีโหมดพักหน้าจอ (ซึ่งปัจจุบันกล้องติดรถยนต์ที่มีหน้าจอเกือบทุกรุ่นจะมีโหมดพักหน้าจอ) เมื่อหน้าจอดับลง หลาย ๆ เลยคนก็มักจะคิดว่ากล้องติดรถยนต์ยนต์มันดับไม่ทำงานแล้ว แต่จริงๆ มันไม่ได้ดับและมันก็ยังคงทำงานอยู่ เพียงแค่มันพักหน้าจอเท่านั้น เหมือนกับโทรศัพท์มือถือที่เมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะพักหน้าจอตามเวลาที่เราตั้งไว้อัตโนมัติ

แต่แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าที่หน้าจอมันดับไปเป็นเพราะพักหน้าจอ หรือดับจริง ๆ วิธีสังเกตก็ให้ดูที่ไฟสถานะของกล้องติดรถยนต์ค่ะ โดยปกติกล้องติดรถยนต์ทุกรุ่นจะมีไฟสถานะบอกการทำงานของกล้องติดรถยนต์อยู่แล้วและส่วนมากไฟสถานะก็จะขึ้นเป็นสีแดงเพื่อบอกให้รู้ว่ากล้องติดรถยนต์ทำการบันทึกวิดีโออยู่นั่นเองค่ะ

หรือถ้าใครรู้สึกไม่สบายใจอยากให้หน้าจอกล้องติดรถยนต์ติดอยู่ตลอดเวลาก็สามารถเข้าไปตั้งค่าให้กล้องติดรถยนต์ไม่พักหน้าจอได้ค่ะ

 



  4. เปิดดูวิดีโอย้อนหลัง พบว่ากล้องติดรถยนต์ไม่บันทึกคลิปวิดีโอไม่ต่อเนื่อง



สำหรับตอนที่เปิดดูคลิปวิดีโอย้อนหลังแล้วพบว่ากล้องติดรถยนต์ไม่บันทึกคลิปวิดีโอไม่ต่อเนื่อง มีบางช่วงที่ขาดหายไป ซึ่งปัญหาตรงนี้จะเกิดอยู่ประมาณ 2 กรณีเป็นหลักคือ

  1. สำหรับกล้องติดรถยนต์บางรุ่น ตอนที่จะตั้งค่าจะต้องกดหยุดวิดีโอก่อนและหลังจากตั้งค่าเสร็จแล้ว จะต้องกดปุ่ม REC เพื่อให้กล้องติดรถยนต์บันทึกวิดีโอต่อหลายคนเลยที่ลืมไม่ได้กดมันก็เลยทำให้กล้องติดรถยนต์ไม่ได้บันทึกคลิปให้ต่อเนื่องนั่นเองค่ะ

  2. ใช้เมมโมรี่การ์ดที่มีสปีดการเขียนที่ต่ำกว่ากล้องติดรถยนต์รอรับได้ หรือ ใช้เมมโมรี่การ์ดที่เป็นของปลอม ซึ่งอย่างที่บอกไปในข้อที่ 2 ว่า ทั้ง 2 อย่างนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้กล้องติดรถยนต์ ติด ๆ ดับ ๆ เมื่อกล้องติดรถยนต์ ติด ๆ ดับ ๆ คลิปที่บันทึกได้ก็จะไม่ต่อเนื่องด้วยนั่นเองค่ะ

 


  5. คลิปวิดีโอที่ได้ไม่สว่าง คมชัด เหมือนกับในรีวิว




สำหรับคลิปวิดีโอที่หลาย ๆ คนได้จากกล้องติดรถยนต์ตอนใช้งานจริง ๆ นั้นทำไมไม่ชัดเหมือนกับที่เห็นในรีวิวเลยซึ่งตรงนี้มีสาเหตุหลัก ๆ เลยอยู่ 2 สาเหตุคือ

  1. ที่ตัวกล้องติดรถยนต์
ซึ่งปัจจุบันสาเหตุที่มาจากกล้องติดรถยนต์นี่แทบจะไม่มีหรือถ้ามีก็คือน้อยมาก ๆ เพราะปัจจุบันกล้องติดรถยนต์รุ่น ๆ ใหม่นั้นได้ปรับแก้ไขข้อบกพร่องในส่วนนี้ให้ดีขึ้นแล้วนั่นเองค่ะ รวมถึงกล้องติดรถยนต์บางรุ่นก็มีเมนูชดเชยแสงเพิ่มให้ด้วยเพื่อให้เราปรับเพิ่ม หรือลดแสงให้เข้ากับสถานการณ์การใช้งานของเราได้เลยค่ะ

  2. ปัจจัยภายนอก
ซึ่งต้องบอกเลยว่าปัจจัยภายนอกนี้ถือว่าเป็นส่วนที่ส่งผลกับความสว่างคมชัดของการบันทึกคลิปวิดีโอมากเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น

  2.1 ฟิล์มกรองแสง เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อนเชื่อว่าหลายคนเลยที่จะต้องติดฟิล์มกรองแสงให้กับรถยนต์ ซึ่งความเข้มของฟิล์มกรองแสงก็มีหลายระดับ ถ้าเราเลือกระดับที่มืดมาก ๆ แน่นอนว่ากล้องติดรถยนต์ของเราก็จะบันทึกภาพได้มืดด้วยเช่นเดียวกันเพราะต้องบันทึกภาพผ่านทางฟิล์มกรองแสงกระจกรถยนต์

  2.2 คอนโซนรถยนต์ โดยปกติแล้วแค่คอนโซนรถยนต์อย่างเดียวที่ไม่มีอะไรวางอยู่ก็สะท้อนเงาไปติดที่กระจกรถยนต์มากพออยู่แล้ว ทำให้ตอนที่กล้องติดรถยนต์บันทึกคลิปมันก็จะบันทึกเงาของคอนโซนรถยนต์ตรงนี้ติดไปด้วย และยิ่งถ้าใครที่ชอบความสวยงาม เช่นตกแต่งคอนโซนรถยนต์ด้วย ตุ๊กตา ต้นไม้ปลอม หรือพระเครื่อง ก็จะยิ่งทำให้มีเงาไปติดที่กระจกรถยนต์มากขึ้นด้วย ซึ่งเงาเหล่านี้มันจะตัวที่ไปบดบังรายละเอียดความคมชัดในคลิปวิดีโอทำให้ตอนที่เราดูคลิปวิดีโอมันมีเงาที่ไม่จำเป็นเยอะมากเกินไปนั่นเองค่ะ

  2.3 ความมืดและก็ความสว่าง ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้เราหลีกเลี่ยงไม่ให้ไม่เจอไม่ได้อยู่แล้ว เช่นขับรถยนต์ตอนกลางวันที่มีแสงจ้ามาก ๆ คลิปที่ได้ก็จะมีแสงมาก เมื่อมีแสงมากภาพที่ได้มันก็จะไม่ชัดเพราะมีแสงมากเกินไป หรือในตอนกลางคืน บวกกับแทบจะไม่มีแสงไฟข้างทางใด ๆ เลยคลิปที่บันทึกได้ก็จะมืดมาก ๆ เช่นเดียวกัน หรือขับรถยนต์ย้อนแสง คลิปที่ได้ก็จะย้อนแสงด้วยนั่นเองค่ะ (ปัจจุบันกล้องติดรถยนต์หลาย ๆ แก้ไข้โดยการเพิ่ม WDR เข้ามาเมื่อขับรถย้อนแสงภาพที่ได้จะแสงสีดีขึ้นระดับหนึ่ง)

  2.4 ตำแหน่งการติดตั้งกล้องติดรถยนต์ เช่นถ้าเราติดตั้งกล้องติดรถยนต์ต่ำเกินไปกล้องติดรถยนต์ก็จะบันทึกกระโปรงรถยนต์ลงในคลิปมากเกินไป ซึ่งมันเป็นส่วนที่ไม่จำเป็นเลยและแถมยังทำให้คลิปวิดีโอของเรามีความมืดเพิ่มขึ้นอีกด้วย หรือถ้าเราติดตั้งกล้องติดรถยนต์สูงเกินไปกล้องติดรถยนต์ก็จะบันทึกท้องฟ้าที่ไม่ใช่ส่วนสำคัญมากเกินไปแถมท้องฟ้ายังเป็นส่วนที่มีแสงสว่างมากเมื่อคลิปที่ได้มีแสงที่มากเกินไปในคลิปก็จะมีแสงสีขาวเยอะเป็นส่วนที่ทำให้คลิปเบลอนั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นการเลือกติดตั้งตำแหน่งกล้องติดรถยนต์ก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญต้องเลือกติดให้พอดีนั่นเองค่ะ


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้